คุณยังไม่มีสินค้าในรถเข็น
บริการในคลินิก
บริการในคลินิก
เคศฉีดร่องแก้มซ้ายของคนไข้
เคสฉีดลดไขมันที่แก้ม และ โบท๊อกกราม ครั้งแรก
เคสจี้กระ ติ่งเนื้อ ผิวเรียบใน1 สัปดาห์
เคสลดน้ำหนักกระชับสัดส่วนภายใน1เดือน
เคสรักษาสิว โดยการใช้ยาทายา เพียง2สัปดาห์
เคสรักษาหลุมผิว เพียงครั้งแรก
เคสรักษาสิวหลังจากทานยาและทายาเพียง1สัปดาห์
เคสรักษาฝ้าเพียงครั้งแรก
เคสฉีดวิตตามินผิว1คอร์สแรก
เคสทานยาปลูกผม เพียง1เดือน
เคสฉีดเติมเต็มร่องลึกต่างๆพร้อมฉีดจมูกให้เป็นสันขึ้น
เคสฉีดคาง(คนไข้ต้องการแบบแหลมๆยาวๆ)
เคสหลังฉีดโบท็อก,ฟิลเลอร์,ร้อยไหม
เคสหลังฉีดฟิลเลอร์ คาง จมูก ใต้ตา
เคสฉีดฟิลเลอร์ โบท็อก ก่อนและหลังฉีดทันที
เคสหลังยิงเลเซอร์รักษารอยหน้าใสเพียงครั้งแรก
เคสทานยาปลูกผมแค่2สัปดาห์
เคสหลังฉีดโบท็อกลดกราม แฟตลดแก้ม หลังทำเพียง1สัปดาห์
เคสหลังใช้ชุดฟื้นฟู Miracle Melaclear skin
เคสยิงเลเซอร์กินยาสิวทายาหลังผิวติดสารสเตียรอยด์มานาน
เคสรักษาหลุมสิวหลังทำเพียง2 ครั้ง
เคสก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ โบท็อก ทันที
เคสหลังรักษาสิว รอยดำ รูขุมขนเล็ก ด้วยเข็ม
Laser finepulse
เทคโนโลยีล่าสุดในการดูแลผิวพรรณ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินใต้ผิวหนังให้ผิวกระชับเต่งตึงขึ้นมีความปลอดภัยสูงต่อผิวใช้เวลาในการรักษาน้อย เห็นผลชัดเจนในเวลาอันรวดเร็ว สามารถสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงแม้การรักษาเพียงครั้งเดียว ความผิดปกติของเส้นเลือด (IPL for vascular lesions) ความผิดปกติของเม็ดสี ฝ้า กระ รอยแดง รอยหมองคล้ำ (IPL for pigmentlesion) การกำจัดขน (IPL for Hair removal) ลดเลือนริ้วรอยและชะลอภาวะชราของผิวพรรณ,ผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยเล็ก กระชับผิวหน้า ลำคอ ทรวงอก (IPL Photo rejuvenation ) ลดและแก้ไขปัญหาผิวอักเสบ สิวหัวดำ สิวอุดตัน แผลเป็น (IPL forAcne & Scers)
การยกกระชับหน้าด้วยและสัดส่วนด้วยไหมPDO (Miracu TM,Polydioxanone Suture) เป็นการร้อยไหมละลายบริเวณที่ต้องการยกกระชับ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนและพังผืดเข้ามา ยึดกับเส้นไหมที่ค่อยๆละลายไปภายในวลา6เดือน จะมีการแสดงผลต่อเนื่องในระยะเวลา1-3ปี ยกกระชับทั้งใบหน้า ปัญหาคิ้วหรือหนังตาตก ผิวหย่อนคล้อย คางสองชั้น ปรับรูปหน้าให้เรียวสวยเป็นรูปตัวv ปรับรูปจมูกให้เรียวโด่งปลายเชิดขึ้น รักษาริ้วรอยบริเวณลำคอ มือ แขน หน้าอก และลำตัวกระชับรูขุมขน ดึงคอให้ตึง ตรึงท้องให้แฟบ รอยแตกลาย สะโพกลดเซลลูไลท์ สามารถทำได้ทุกส่วนที่ต้องการ ซึ้งไม่ต้องพักฟื้น และไม่มีรอยแผลเป็น Miracu TM ล่าสุดจากเกาหลี Embedding therapy needle เห็นผลทันที Fast and safe ใส ยกกระชับ No side effect ปลอดภัย ผ่านการรับรองจาก อย. Immediate result Less recovery timeThai FDA KFDA KGMPApproved Long lasting effect
DERM DIP SPEED WHITE “เป็นเครื่องมือผลักตัวยาลงไปใต้ผิวที่ไม่ต้องใช้เข็มแต่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการฉีดยา” นวัตกรรมแห่งการผสมผสานวิธีผลักสารเข้าสู่เซลล์ผิวโดยไม่ต้องใช้เข็ม รวมหลักการElectroporationหรือใช้กระแสไฟฟ้าในระดับความคลื่นถี่ ที่ปลอดภัยไปกระตุ้นให้เยื้อหุ้มเซลล์ผิวเปิดออก เป็นช่องทางให้ยาลงไปสู่ใต้ผิวUltrasonic shock waveกระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนดีขึ้น เพื่อเร่งการนำพาสารให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้มีประสิทธิภาพกว่าเครื่องมือผลักยาแบบเดิมๆลึกตั้งแต่1มิลลิเมตร-10มิลลิเมตร โดยไม่มีอาการเจ็บ สามารถทำกิจกรรมต่างๆได้ตามปกติโดยไม่มีรอยช้ำจากเข็ม ผลที่ทำให้หน้าขาวใส ฝ้า กระ จุดด่างดำดูจางลง ละลายสิว
ผิวตึงเด้งกระชับตั้งแต่ครั้งแรก TRIMAX [Tripolar RF] นวัตกรรมใหม่สำหรับการฟื้นฟูผิวด้วยการส่งกระแสคลื่นความถี่วิทยุ[Radiofraquency]เข้าไปกระตุ้นเซลล์ระดับชั้นDermisและsubcutaneousทำให้มีการสร้างและการเรียงตัวใหม่ของคอลลาเจนใต้ผิวซึ่งทำให้มีความแข็งแรงและยืดหยุ่นดีขึ้น ผิวหน้าเป็นการกระชับผิวลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยด้วยการรักษาเพียงครั้งแรกท่านสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เช่นใบหน้ายกกระชับ แก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อย ผิวเต่งตึง รูขุมขนดูเล็กลง รอยย่นต่างๆ ร่องลึกจะตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนทันทีหลังการรักษาครั้งแรก และการรักษาซ้ำเพียงสัปดาห์ละครั้งอีก6ครั้งและต่อเนื่องเพียงอีก3ครั้ง(เดือนละครั้ง)ทำให้ผลการรักษาชัดเจนและถาวรยิ่งขึ้น ผิวกายเป็นการใช้พลังงานความร้อนสะสมเฉพาะที่ไขมัน เพิ่มการเผาผลาญไขมันทำให้ไขมันหดตัวเล็กลงเพื่อการกระชับเรียบเนียนของผิว สลายเซลลูไลท์ ขจัดปัญหาผิวเปลือกส้มอย่างชัดเจนเพียงการรักษาครั้งแรก และไม่เจ็บ การรักษาซ้ำทุกสัปดาห์ติดต่อกัน8ครั้ง และต่อเนื่องเพียง3ครั้ง(เดือนละครั้ง)ทำให้ผลการรักษาชัดเจนและถาวรยิ่งขึ้น มีรายงานเบื่องต้นพบว่าเกือบ100%ของผู้เข้ารับการรักษา มีความพึงพอใจกับผลการรักษาตั้งแต่ครั้งแรก TRIMAX Face เพียง1,600บาท/ครั้ง ราคาคอร์สเพียง 9,600/8ครั้ง TRIMAX Body เพียง2,500บาท/ครั้ง ราคาคอร์สเพียง10,000/5ครั้ง & 15,000/10ครั้ง
MEGIC BLING การกรอผิว (Skin peeling) กรอผิวด้วยเกร็ดอัญมณี อีกทางเลือกของปัญหาผิวหมองคล้ำ ให้สาวๆมีผิวที่ขาวใสขึ้นได้อย่างใจต้องการช่วยลดปัญหา สิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยแผลเป็น ริ้วรอยแห่งวัย หรือแม้กระทั่งรอยแตกลายตามบริเวณสัดส่วนต่างๆของร่างกายนับว่าเป็นปัญหาที่ทำให้สาวๆหนักอกหนักใจ ดังนั้นเราจึงจำเป็นที่ต้องมองหาวิธีการรักษาชะลอปัญหาผิวเหล่านี้ ให้ผิวกลับมาเนียนสวยใสดูอ่อนวัยอยู่เสมอซึ้งการกรอผิวมีหลายวิธีด้วยกัน ทั้งการใช้เลเซอร์ การใช้สารเคมี และการใช้เกร็ดอัญมณีนั่นเอง การกรอด้วยวิธีนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Microderma drasion (MD) เป็นการกรอผิวหนังฉโดยใช้หลักการพ่นเกร็ดอัญมณี ที่มีขนาดเล็กเท่ากับทรายละเอียดและผ่านการกรองฆ่าเชื้อแล้วโดยเครื่องทำงานด้วยระบบสูญญากาศที่จะดูดกับผิวหนังระหว่างกรอตามด้วยการพ่นเกร็ดอัญมณีลงบนผิวหนังประมาณ 10-15นาทีขึ้นอยู่กับสภาพผิวหนังของแต่ละคนอาจจะมีรอยแดงๆระเรื่อเกิดขึ้นแต่ไม่มีแผลและจะหายไปในเวลา1-2ชั่วโมง ผลที่จะตามมาหลังจากการกรอก็คือรอยดำจากสิวจะจางลงจนเห็นได้ชัดรอยดำจากฝ้า กระ ริ้วรอยเหี่ยวย่นรอยดำจากแผลต่างๆจะจางลงแผลเป็นที่เกิดจากสิวจะตื้นขึ้นรูขุมขนที่กว้างจะแคบลงนอกจากนี้ยังช่วยบวิเวณรอยแตกลายตามส่วนต่างๆจะจางลงสัมผัสได้ถึงผิวที่เรียบเนียนไม่ขรุขระขาวใสแลดูอ่อนกว่าวัยได้อีกครั้ง
MADE COLLAGEN (M-collagen) ดีทอกซ์ผิวพร้อมบำรุง m-collagenเป็นการรักษาด้วยเทคนิคการรักษาแบบHomeopathy คือเซลล์ธรรมชาติบำบัดโดยแพทย์จะทำการฉีดสารสำคัญจากธรรมชาติ ไม่ใช่ยาไม่ใช่สารเคมี รักาตามจุดฝังเข็มบนใบหน้า Biopunturn โดยสารสำคัญจะแทรกซึมสู่เนื้อเยื่อผิวข้างเคียง Matrix อย่างช้าๆผ่านระบบการสื่อสารของเซลล์ที่เรียกว่า PNEIหรือPsycho-Neuro-endocrine-Immune System เพื่อปรับสมดุลของการทำงานของเซลล์ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น หลักการทำงานของการรักษาด้วยวิธีนี้มีดังนี้ • Detox สารพิษที่อยู่ในผิว • ปรับสมดุลระบบPNEIให้มีประสิทธิภาพในการทำงานระหว่างเซลล์ต่างๆได้ดียิ่งขึ้น • ช่วยในการเผาผลาญอาหารของเซลล์ • ให้สารอาหารแก่ผิว • ฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพให้กลับมาทำงานได้ดียิ่งขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้ : ลดอาการระคายเคือง ลดอาการผิวแพ้ง่าย ให้ความชุ่มชื้น ลดเลือนรอยเหี่ยวย่นเล็กๆ ผิวหน้ากระจ่างใสแลดูอ่อนกว่าวัย
โปรโมชั่นมาร์คหน้า ลด 50% เมื่อซื้อคอร์ส ทรีทเม้นต์ ทุกคอร์ส คุณประโยชน์จากการมาร์คหน้า ช่วยเติมความชุ่มชื่นให้แก่ผิว ช่วยให้สีผิวเรียบเนียนดูสม่ำเสมอ ช่วยให้ผิวแลดูกระชับเต่งตึง ช่วยให้รูขุมขนกระชับขึ้น ช่วยให้ผิวสะอาดสดใส ช่วยลดการผิวอักเสบผิวแพ้ง่าย ปกติ/ครั้ง 400 บาท 10 ครั้ง 2,000 บาท
PHONO เป็นวิธีการรักษาที่เน้นการบำรุงเซลล์เป็นหลักและใช้คลื่นเสียงบวกกับแรสั่นเบาๆของคริสตัลเป็นตัวสื่อกลางทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการผลักตัวยาต่างๆเข้าสู่ใต้ผิวหนังบำรุงเซลล์ทำให้เซลล์เกิดการสร้างตัวมากขึ้นและริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณใบหน้าจะค่อยๆลดลงเรื่อยๆขณะเดียวกันก็กระตุ้นการไหลเวียนของระบบหลอดเลือดและน้ำเหลืองให้ดีขึ้นจึงทำให้เห็นผลในการรักษาดี ง่าย สะดวกไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใดขั้นตอนในการทำผลักวิตตามินสู่ผิวใช้เวลาประมาณ 15นาทีสามารถทำได้ทุกวัน ผลลัพธ์ที่ได้ ช่วยให้ผิวได้รับการบำรุง ช่วยกระตุ้นการสร้างชั้นผิวหนัง ช่วยให้ผิวดูกระชับ ช่วยให้ผิวได้รับความชุ่มชื่น ช่วยลดความหมองคล้ำบนใบหน้า ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
DERMA ROLER เดอร์มาโรลเลอร์คือ เป็นวิธีการในการรักษาหน้าโดยการทำให้เกิดหลุมเล็กๆๆๆ เพื่อให้ผิวหนังสร้างคอลลาเจน และปรับผิวให้ดีขึ้น ซึ่งช่วยให้ผิวหนัง เรียบ เนียนขึ้น จะมีประโยชน์ในการรักษาหลุมแผลสิว แผลเป็นชนิดต่างๆ คุ้มค่ากว่าวิธีการรักษาแบบอื่นๆ นอกจากนี้เดอมาโรลเลอร์ยังมีคุณสมบัติในการช่วยให้รูขุมขนกระชับขึ้น ลดริ้วรอย ลดฝ้าและรอยดำตื้นๆ ได้ดีอีกด้วย หลักการทำงาน เหมือนกับการเติมสารบำรุง และออกซิเจนให้กับสนามหญ้า ด้วยการทำ top soil หรือกลิ้งพื้นผิวสนามหญ้าให้มีความพรุน แล้วเติมปุ๋ย+สารบำรุงต่างๆให้บำรุงสนามโดยตรง ผิวหนังก็เช่นเดียวกัน การทำเดอมาโรเลอร์คือการใช้ลูกกลิ้งหัวเข็มเล็กๆสั้นๆจำนวนมากกลิ้งเบาๆไปบนผิวหน้า เพื่อทำให้เกิดรูเล็กๆและเกิดการซ่อมแซม สร้างคอลลาเจนทั้งนี้หากใช้ร่วมกับสารบำรุงที่ทาลงไป จะทำให้ร่างกายซ่อมแซมตนเอง พร้อมทั้งกระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนใหม่เร็วขึ้น วิธีทำการรักษาด้วยเดอร์มาโรลเลอร์ คุณหมอจะนำหัวของเดอมาโรลเลอร์ซึ่งประกอบด้วยเข็มขนาดเล็ก(198 เข็ม) กลิ้งไปบนผิวหน้า (ทายาชาไว้ก่อนแล้ว 15-30 นาที ให้ชาจะได้ไม่เจ็บมาก) เพื่อให้เกิดแผลตามรูขุมขนเล็กๆทั่วทั้งใบหน้า (มองไม่เห็นรอยแผลจากเข็ม) ระหว่างนั้นจะมีการทาสารละลาย ยา หรือสารบำรุงต่างๆ เพื่อให้ซึมลงไปตามรูเล็กๆนั้น ซึ่งชนิดของสารละลายและปริมาณการใช้ ขึ้นอยู่กับตัวยาที่ผลักลงไป
MESO MIB สร้างผิวขาวใสอ่อนเยาว์ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในการผลักวิตามินลงสู่ชั้นผิว คือ วิธีการผลักวิตามินและอาหารผิวลงสู่ผิวหนังในชั้นลึกด้วยพลังงานกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ (grow factor) โดยอาศัยความแตกต่างของประจุไฟฟ้าช่วยในการผลักดันให้โมเลกุลของยาเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้โดยตรง โดยไม่มีรอยแผลหรือความเจ็บปวด ทำให้ตัวยาซึมเข้าผิวได้ดีและเห็นผลเร็วกว่าทายาทั่วไป ช่วยลดระยะเวลาในการใช้ครีมให้สั้นลงและเพิ่มประสิทธิภาพของการทายาดีขึ้นด้วย ช่วยในการรักษารอยแผลเป็นจากสิว ลดรอยดำจากแผลทั่วไป ลดรอยดำหลังทำ Laser รักษากระ ฝ้า ทำให้ผิวหน้าขาวใส นุ่มเนียน รวมถึงการใช้ยาที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวช่วยเรื่องรอยหลุมแผลเป็น ให้ผิวหน้าเรียบเนียนได้อีกทางหนึ่ง โดยผลการรักษาขึ้นอยู่กับตัวยาที่ใช้ หลังทำ ใบหน้าจะดูเป็นสีชมพูระเรื่อ เนื่องจากกระแสไฟฟ้ากระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น แต่การทำแต่ละครั้งต้องได้รับการตรวจประเมินจากแพทย์เพื่อป้องกันการเกิดการระคายเคืองผิว แสบร้อน หรือเป็นตุ่มผื่น บอกลาไอออนโตแบบเก่าๆ และผลักวิตามินลงสู่ใต้ชั้นผิว 99.99 % ด้วย Meso MIB ด้วยวัสดุเงินชนิดพิเศษหรือที่ เรียกว่า Silver-silver chloride (SSC) จะช่วยส่งผ่านตัวยาเข้าสู่ผิวหนังได้เกือบ100% ซึ่งแตกต่างจากการผลักตัวยาด้วยวิธีไอออนโตทั่วไปที่ผลักยาเข้าผิวหนังได้ เพียง 30 % เนื่องจากเทคโนโลยีหัวกลิ้ง จะช่วยควบคุมความเสถียรของกระแสไฟฟ้าให้มีความคงที่ทำให้สามารถส่งผ่านตัวยา ได้ดีและไม่ก่อให้เกิดความระคายเคืองแต่อย่างใด ผลลัพธ์ที่ได้ 1. เป็นการส่งผ่านตัวยาเข้าทางผิวหนังโดยไม่มีการรุกรานเนื้อเยื่อและไม่เจ็บ 2. ไม่มีอันตรายจากการติดเชื้อหรือเกิดความเสียหายของเนื้อเยื่ออย่างการใช้เข็มฉีด 3. ความเข้มข้นของยาบริเวณเฉพาะที่ทำจะสูง ในขณะที่ความเข้มข้นยาในกระแสเลือดต่ำ จึงเป็นการลดผลข้างเคียงของยาได้ 4. ขนาดยาเที่ยงตรง เนื่องจากสามารถควบคุมได้โดยการควบคุมปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ผ่านยา 5. เป็นทางเลือกหนึ่งในการส่งผ่านยา โดยเฉพาะในบริเวณที่ทำการฉีดได้ยาก วิตามินที่ใช้ในการรักษา มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด โดยแพทย์จะพิจารณาใช้วิตามินเอ วิตามินซี หรือวิตามินอื่น ๆ ตามลักษณะของผิวหน้า
Mesotherapy (เมโสเทอราพี) หรือที่นิยมเรียกกันว่า เมโสหน้าใส เป็นการรักษาที่คิดค้นขึ้นในประเทศฝรั่งเศสเมื่อ 50 ปีก่อน ด้วยการฉีดยาหรือวิตามินที่ต้องการ ให้ออกฤทธิ์สู่ชั้นผิวหนังโดยตรงหรือที่เรียกว่า ชั้นเมโส ช่วยแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ฝ้า กระ รอยแผลเป็นสิว จุดด่างดำต่างๆ โดยใช้เข็มขนาดเล็ก ฉีดสารจำพวกวิตามินซี วิตามินบี กรดวิตามินเอ แอนติออกซิเดนท์ คอลลาเจนหรือสารบำรุงผิวอื่นๆ เข้าไป เพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเซลล์ผิวจากภายใน เมื่อรักษาอย่างต่อเนื่อง ผิวหน้าจะขาวใส เรียบเนียนขึ้น ซึ่งจะให้ผลเร็วกว่าการทาครีมบำรุงผิวเพียงอย่างเดียว เพราะมีประสิทธิภาพในการผลักตัวยาให้ได้ผลอย่างล้ำลึก การฉีดเมโสเจ็บหรือไม่ ขึ้นอยู่กับระดับความลึกในการฉีดยา ถ้าเป็นชั้นหนังกำพร้า คนไข้จะรู้สึกคล้ายโดนสะกิด เนื่องจากเข็มที่ใช้มีขนาดเล็กมาก และแทงลงไปในชั้นผิวลึกประมาณ 5 – 10 มิลลิเมตรเท่านั้น แต่ถ้าเป็นชั้นหนังแท้และชั้นไขมันจะค่อนข้างเจ็บ ต้องใช้ยาชาหรือการประคบน้ำแข็งร่วมด้วย ขั้นตอนการทำ 1. ทำความสะอาดผิวหน้า 2. ทายาชาทั่วบริเวณหน้า แล้วทิ้งไว้ 30-45 นาที 3. ลงเข็มทั่วใบหน้า ใช้เวลา 10-15 นาที (โดยเข็มมีขนาดความลึกต่างกันตั้งแต่ 0.25, 0.5, 0.75, 1, 2 มิลลิเมตร) ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล 4. ประคบเย็นด้วยเครื่องประคบ 5. นอนพักหน้า 15-30 นาที เพราะหลังทำหน้าอาจจะแดงและมีอาการแสบร้อน การฉีดเมโสหน้าใสเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีและมีความปลอดภัย ผู้รับการรักษาไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น แต่ต้องได้รับการประเมินจากแพทย์ว่า คนไข้มีปัญหาอะไร ต้องแก้ไขตรงจุดไหนบ้าง แพทย์จะให้คำแนะนำและเป็นผู้เลือกวิตามินหรือตัวยาชนิดต่างๆ เพื่อใช้ในการรักษาที่ตรงกับปัญหาของคนไข้มากที่สุด ดังนั้นควรเลือกทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไข้เอง
โบท็อกซ์ คืออะไร? "โบท็อกซ์" (Botox) เป็นชื่อทางการค้า (trade name) ของสาร โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) ซึ่งเป็นโปรตีน ชนิดหนึ่ง ที่สร้างจาก แบคทีเรีย ชื่อ คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ที่ก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษแก่มนุษย์ หากได้รับในปริมาณมากๆ เช่น จากอาหารกระป๋องที่ปนเปื้อนด้วยเชื้อตัวนี้ก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จากการที่กล้ามเนื้อกระบังลมไม่ทำงาน ผู้ป่วยจึงหยุดหายใจ โบทูลินั่ม ท็อกซิน ออกฤทธิ์ อย่างไร? โบทูลินั่ม ท็อกซิน ออกฤทธิ์โดยการไปจับกับส่วนปลายของเซลล์ประสาท ทำให้เซลล์ประสาท ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ กล้ามเนื้อจึงคลายตัว หรือ อีกนัยหนึ่งก็คือ เกิด อัมพาตของกล้ามเนื้อเล็กๆนั้น โดยจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-3 วัน และเห็นผลสูงสุดในเวลาประมาณ 7 14 วัน แพทย์ทราบมานานหลายสิบปีแล้วว่าหากฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อในปริมาณน้อยๆ โบทูลินั่ม ท็อกซินจะทำให้กล้ามเนื้อ "คลายตัว" ดังนั้นในยุคแรกๆ จักษุแพทย์จึงนำโบทูลินั่ม ท็อกซิน มาฉีดรักษาโรคตาเหล่ ตาเข และโดยบังเอิญจากการฉีดรักษาในบริเวณรอบดวงตานี้เอง ก็ทำให้แพทย์พบว่าริ้วรอยบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณหน้าผากหว่างคิ้วและรอบดวงตาดีขึ้นด้วย ในยุคต่อมาจึงมีการฉีด โบทูลินั่ม ท็อกซิน เพื่อประโยชน์ในด้านความสวยงามตามมาอย่างแพร่หลาย และมีเทคนิควิธีการที่ต่างๆ กันออกไป มีการนำมาฉีดเพื่อทำให้หน้าเรียวลง ยกกระชับผิวหนัง ลดเหงื่อบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ ตลอดจนรักษาอาการปวดศีรษะ ปวดเกร็งต้นคอ และอีกหลายกรณี ในประเทศสหรัฐอเมริกาประเทศเดียวมีการฉีดกันเป็น ล้านๆครั้ง ต่อปี ผลของการฉีด โบทูลินั่ม ท็อกซิน อยู่นานเท่าใด?โดยทั่วไปผลของการฉีดจะอยู่ได้นานประมาณ 3-8 เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับว่าฉีดรักษาอาการอะไร ฉีดบริเวณใด ฉีดเป็นครั้งแรกหรือเป็นการฉีดซ้ำ ผู้รับการรักษาอายุเท่าใด ซึ่งการที่ผลการรักษาอยู่ไม่ถาวรนั้น ที่จริงอาจนับได้ว่าเป็นข้อดี เพราะหากผลที่ได้รับไม่เป็นที่น่าพอใจ ในที่สุดก็จะค่อยๆ หายไปเองได้ ข้อเสียก็คือสิ้นเปลือง เพราะหากได้ผลดี ถูกใจก็ต้องฉีดซ้ำเรื่อยๆ
Filler Lift เติมเต็มร่องลึก ยกกระชับ ปรับรูปหน้า การเติมเต็มทุกปัญหาผิว ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติที่ประกอบไปด้วยสารของ Hyaluronic acid (HA) (ไฮยารูรอนิก แอซิด) ซึ่งมีอยู่แล้วในองค์ประกอบของเซลล์และมาประกอบกันเป็นร่างแหโดยวิธีการทางเคมี ซึ่งมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้มากกว่าน้ำหนักโมเลกุลของตัวมันถึงพันเท่า มีลักษณะเป็นเนื้อเจล จึงมีความยืดหยุ่นสูง เราสามารถใช้ HA เติมเต็มให้กับริ้วรอย หลุมสิว ร่องแก้ม ริมฝีปากเพื่อทำให้บริเวณนั้นเต็มขึ้น HA จะค่อยๆถูก Metabolize ในร่างกาย และสลายตัวไปตามธรรมชาติ มักจะมีอายุอยู่ได้ประมาณ 2 ปี หลังจากการฉีด สารเติมเนื้อผิวดังกล่าว สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย โดยไม่จำเป็นต้องทำการทดสอบอาการแพ้ใด ๆ ก่อนการรักษา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการเลือก Filler ที่มีความละเอียดของโมเลกุลเหมาะสมกับบริเวณที่คนไข้ต้องการฉีด เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยขนาดกลางถึงร่องลึกต่าง ๆ เพื่อเสริมปริมาณเนื้อผิวบนใบหน้า บริเวณที่สามารถทำ Filler ได้ มีดังนี้ ร่องแก้ม ร่องระหว่างคิ้ว ร่องใต้ตา ร่องลึกต่างๆบนผิวหนัง หลุมแผลเป็น เติมริมฝีปากอวบอิ่ม เติมเนื้อแก้ม หน้าผาก หรือขมับ ปรับรูปหน้า เสริมจมูกและคาง Dolly Eye เติมเต็มริ้วรอยใต้ตา ผลลัพธ์ทีได้ หลังการทำเห็นผลเปลี่ยนแปลงที่เรียบเนียนเป็นธรรมชาติเหมือนเนื้อผิวปกติ Filler จะคงอยู่ได้ประมาณ 2 ปี บริเวณที่ฉีด กระชับขึ้น ลดรอยหย่อนคล้อย ลดร่องลึกให้ตื้นขึ้น บริเวณที่ฉีดจะมีลักษณะได้รูป สวยขึ้น ดูอ่อนเยาว์ ระยะเวลาการรับบริการ ประมาณ 15- 30 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ การดูแลหลังจากการรับบริการ ควรดื่มน้ำ 8 – 16 แก้ว เพื่อเพิ่มการอุ้มน้ำ ช่วยให้ฟิลเลอร์ขยายปริมาตรเพิ่มขึ้น,เลี่ยงเครื่องสำอาง หรือ ครีมที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA และ Vitamin A,สามารถประคบผ้าเย็นในบริเวณที่ฉีดได้,งดการนวดหน้า การกรอผิว การทำเลเซอร์ทุกชนิด ในช่วง 10 – 14 วันหลังการฉีด,งดการสัมผัสกับความร้อน เช่น การซาวน่า ในช่วง 10 – 14 วันหลังการฉีด,งดการดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชม.,งดการออกกำลังกายหนักๆ
การรักษาความผิดปกติของเม็ดสีบนผิวหนังด้วย QS-Nd Yag Laser เลเซอร์สำหรับรักษาความผิดปกติของเม็ดสีบนผิวหนัง (QS-Nd Yag laser) เป็นแสงเลเซอร์ประเภท Q-switch ที่นำมาใช้ในการรักษากระลึก ปานดำ ความผิดปกติของเม็ดสี และรอยสัก เนื่องจากรอยโรคประเภทนี้จะอยู่ลึกถึงชั้นหนังแท้ และมีการเกาะกลุ่มรวมตัวกันของเซลล์เม็ดสีที่ผิดปกติขนาดเล็ก การทำงานของเลเซอร์ แสงเลเซอร์จะยิงออกมาในช่วงเวลาสั้นๆ และให้กำลังแสงสูง แสงเลเซอร์จะถูกดูดซับด้วยเมลานินในเซลล์สีที่เป็นปัญหา ทำให้เซลล์สีถูกทำลายและสลายไปตามกระบวนการธรรมชาติโดยเนื้อเยื่อรอบข้างไม่ถูกทำลายไปด้วย ใช้รักษารอยโรคอะไรบ้าง • กระลึกหรือรอยด่างดำ: กระลึกมีลักษณะเป็นรอยโรคสีน้ำเงินหรือสีเทา หรือสีน้ำตาลอมเทา ซึ่งสามารถรักษาได้และให้ผลการรักษาที่ดี • รอยสัก: สามารถลบรอยสักด้วยการยิงเลเซอร์ช่วงสั้นๆ ลงไปในเม็ดสีบริเวณที่มีการสัก พลังงานความร้อนจากแสงเลเซอร์จะเข้าไปทำให้เม็ดสีแตกตัวจนมีขนาดเล็กลงหรือถูกทำลาย แล้วสลายไปตามกระบวนการทางธรรมชาติ โดยทั่วไปสามารถใช้เลเซอร์ได้กับผิวหนังทั่วร่างกาย การรักษาด้วยเลเซอร์มีความปลอดภัยหรือไม่ เลเซอร์ QS-Nd Yag ได้ผ่านการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ได้เทคโนโลยีที่ให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพโดยไม่เกิดผลข้างเคียง เป็นเครื่องเลเซอร์ที่ผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป เอเชีย รวมทั้งประเทศไทย ว่ามีความปลอดภัยสูง รวมถึงยังได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกาว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาปัญหาเกี่ยวกับความผิดปกติของเม็ดสีและลบรอยสักได้ โดยสามารถยิงเลเซอร์ลงไปในระดับลึกพอเหมาะในชั้นหนังแท้ โดยไม่ทำให้เลือดออก ทำให้รอยแผลหายเร็วขึ้น ไม่เกิดข้อแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์ เช่น แผลเป็นนูน ไม่เกิดรอยคล้ำง่าย เป็นต้น ต้องเตรียมตัวก่อนและหลังการรักษาอย่างไรบ้าง ก่อนการรักษา: ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดหรืองดการอาบแดดเป็นเวลา 14 วันก่อนการรักษา หลังการรักษา: ควรทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป เพื่อป้องกันแสงแดดที่จะทำลายผิวได้ ต้องเข้ารับการรักษากี่ครั้ง เนื่องจากความผิดปกติของเม็ดสีมีความหลากหลายและระดับความลึกของรอยโรคที่แตกต่างกัน ส่วนรอยสักก็มีหลากหลายสี และระดับความลึกของสีรอยสักที่อยู่ในเม็ดสีก็อยู่ในระดับความลึกที่แตกต่างกันเช่นกัน ดังนั้นการรักษาจึงขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ โดยแพทย์จะเลือกช่วงคลื่น ประกอบกับการใช้พลังงานที่เหมาะสมและระยะเวลาในการรักษาให้เหมาะสมกับรอยโรคเป็นรายบุคคลไป ทั้งนี้แพทย์จะพิจารณาจากผลการรักษาและการตอบสนองของรอยโรคกับการรักษาแต่ละครั้ง ซึ่งผู้ป่วยควรปฏิบัติตนและเข้ารับการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ผู้รักษาเพื่อผลการรักษาที่ดี
AHA Treatment คืออะไร เป็นกรดชนิดหนึ่ง ซึ่งอยู่ในกลุ่มของกรดผลไม้ กรดผลไม้เหล่านี้เช่น Pyruvic Acid ได้จากมะละกอ , Glycolic Acid ได้จากน้ำอ้อย AHA Treatment มีคุณสมบัติอย่างไร? โดย ปกติแล้วเซลล์ผิวที่ตายแล้วจะหลุดลอกจากผิวประมาณ 21-28 วัน เราเรียกกระบวนการนี้ว่า “การผลัดเซลล์ผิว” แต่เมื่ออายุมากขึ้น การผลัดเซลล์ผิวจะเริ่มช้าลง ทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วกองสะสมอยู่บนผิวชั้นบนหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ และหลุดลอกออกได้ยากขึ้น AHA มีคุณสมบัติทำให้แรงยึดระหว่างเซลล์ผิวที่ตายแล้วลดลง เมื่อแรงยึดระหว่างเซลล์ลดลงก็ทำให้เซลล์ผิวที่ตายซึ่งทับถมกันอยู่หนาแน่น บนผิวหนังชั้นบนสุดหลุดลอกออกไปได้ง่าย เมื่อเซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดออกไป เซลล์ผิวใหม่ที่อยู่ด้านล่างจะขึ้นมาแทนที่ด้านบนของผิว ทำให้เราเห็นผิวใหม่ที่สดใสและเรียบเนียนนุ่มกว่า ความเข้มข้นของ AHA ที่ปลอดภัยกับผิวอยู่ที่เท่าไร? AHA ความเข้มข้นที่ปลอดภัยสำหรับใช้ในคลินิกในความดูแลของแพทย์ มีความเข้มข้นที่ 20-70% แต่ AHA ที่ใช้เป็นเครื่องสำอางจะมีความเข้มข้นต่ำกว่านี้มาก ระยะห่างในการทำ AHA Treatment แต่ละครั้ง? การผลัดเซลล์ผิวด้วย AHA ถือเป็น Chemical Peeling อย่างหนึ่ง การทำ Peeling หรือการลอกผิวสามารถทำได้ต่อเนื่องทุก 3-4 สัปดาห์ AHA Treatment เป็นการลอกหน้า ซึ่งจะทำให้ผิวบางลงใช่หรือไม่? AHA Treatment เป็นการ กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ดังนั้นหลังทำประมาณ 7 วัน ผิวจะหลุดลอกออก ซึ่งช่วงนี้ผิวจะไวต่อแสง ทำให้เกิดจุดด่างดำได้ง่าย จึงเกิดการเข้าใจผิดว่าทำให้ผิวบางลง ดังนั้นช่วงนี้จำเป็นต้องเลี่ยงแดดจัด เมื่อผ่านช่วงนี้ไปผิวจะเข้าสู่สภาวะปกติ ดังนั้นการทำทรีทเมนต์นี้จึงไม่ทำให้ผิวบางลงแต่อย่างใด ผลที่ได้หลังจากทำ AHA Treatment ? AHA จะช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวให้เข้าสู่สภาวะสมดุล ทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวปกติ เมื่อผิวเก่าหลุดลอกออกไปแล้วผิวใหม่จะขึ้นมาแทนที่เซลล์ผิวเดิม สิ่งที่ตามมาคือ • ผิวใสขึ้น • ผิวเรียบเนียนขึ้น • ผิวนุ่มนวลขึ้น • รอยด่างดำจางลง • ลดการอุดตันที่รูขุมขน ทำให้โอกาสเกิดสิวลดลง