คุณยังไม่มีสินค้าในรถเข็น
การลดน้ำหนักเป็นผลดีทั้งทางร่างกายและจิตใจและช่วยป้องกันโรค
น้ำหนักส่วนเกินไขมันในร่างกายและโรคอ้วนทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่างๆดังนี้
•โรคหัวใจ, •ความดันสูง, •โรคหลอดเลือดสมอง •โรคเบาหวาน, •โรคข้อเข่าเสื่อม •มะเร็งบางชนิด, •หยุดหายใจขณะหลับ, •คอเลสเตอรอลสูง
ความจริงแล้วการลดน้ำหนักไม่ต้องใช้แผนการรับประทานอาหารพิเศษใดๆ สิ่งสำคัญคือกำหนดให้การเผาผลาญแคลอรีมากกว่าที่คุณกิน
น้ำหนักตัวของเราจะพิจารณาจากอาหารที่เรารับประทานและปริมาณพลังงานที่เราใช้ไปในกิจกรรมซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 ประการ
1 อัตราการเผาผลาญขั้นพื้นฐาน (BMR) หรือจำนวนแคลอรี่ที่เราเผาผลาญต่อชั่วโมง
2 ระดับการออกกำลังกายของเรา
ความเข้าใจผิดที่ว่าการอดอาหารทำให้น้ำหนักลด ไม่เป็นความจริง เนื่องจากหากปริมาณอาหารลดลงอย่างมาก (ต่ำกว่าประมาณ 1,200 แคลอรี่ต่อวัน) ร่างกายจะปรับตัวโดยลดการเผาผลาญซึ่งอาจทำให้ลดน้ำหนักได้ยากขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มความหิว จากน้ำตาลในเลือดต่ำ ทำให้มีอาการปวดหัว หงุดหงิด ดังนั้นการอดอาหารอย่างเข้มงวดเกินไป อาจส่งผลให้เกิดการเพิ่มน้ำหนัก
จึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่การอดอาหารจะช่วยลดน้ำหนักได้ในระยะยาว และมักจะเริ่มมีน้ำหนักเพิ่มอีกเมื่อหยุดอดอาหารและกลับมาใช้นิสัยการกินอาหารเดิม
การลดน้ำหนักด้วยตัวเองแบบง่ายๆเพียงเมื่อคุณเริ่มต้นเลือกหลีกเลี่ยงอาหารบางอย่างเช่น
•อาหารแปรรูป, •อาหารหวาน •ขนมปังขาวและพาสต้า (แทนพันธุ์ธัญพืชแทน), •อาหารที่มีเปอร์เซ็นต์แคลอรีสูงจากไขมันเช่นอาหารจานด่วนหลายชนิด •เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แพทย์มักจะพิจารณาให้ยาสำหรับคนที่มีค่าดัชนีมวลกาย(BMI)มากกว่า 30 หรือในคนที่มีค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 27 ที่มีโรคอื่นๆ เช่นความดันสูงโรคเบาหวานคอเลสเตอรอลในเลือดสูง โรคหัวใจ นอกจากนี้จะแนะนำให้ผ่าตัดในผู้ที่มีดัชนีมวลกายมากกว่า 40 หรือผู้ที่มีดัชนีมวลกายตั้งแต่ 35 ถึง 40 ที่มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนเช่นโรคหัวใจและหลอดเลือดเบาหวานความดันโลหิตสูง , หรือภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับอย่างรุนแรง
ทำไมการลดน้ำหนักถึงสำคัญ? ข้อดีของการลดน้ำหนักได้ผลดีต่อสุขภาพแล้วยังช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นเพิ่มความภาคภูมิใจในตนเองและสร้างแรงจูงใจและเกิดความรู้สึกดีกับตัวเอง ข้อสำคัญหากคุณลดน้ำหนักได้แล้วกลับไปที่นิสัยการกินแบบเดิม น้ำหนักก็จะเพิ่มกลับมาได้ ดังนั้นแผนการลดน้ำหนักควรเป็นสิ่งที่คุณทำได้เป็นเวลานาน
Cr.CosmeticConsultant24 By Dr.Pat American Board AntiAging Medicine,American Aesthetic Medicine