คุณยังไม่มีสินค้าในรถเข็น

Jul 31 ,2018 Writen By: Store Owner

มี 11 วิธีเลือกอาหารและวิถีชีวิตธรรมชาติช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้เร็วขึ้น

ผู้ชาย และ ผู้หญิงในวัยที่พร้อมจะมีบุตร การเลือกการรับประทานอาหารมีผลต่อการตั้งครรภ์มากเลยค่ะมีอะไรบ้าง

11 วิธีเลือกอาหารและวิถีชีวิตธรรมชาติช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้เร็วขึ้น 

1 รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผลไม้ ผัก ถั่วและธัญพืชประกอบด้วยวิตามิน C และ E  สังกะสีโฟเลต เบต้าแคโรทีน และ lutein สามารถช่วยเพิ่มอัตราการเจริญพันธุ์โดยเฉพาะในคนที่มีบุตรยาก .

2 การรับประทานแคลอรี่เพิ่มเติมในมื้อเช้าอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของฮอร์โมนโรครัที่ผิดปกติของรังไข่ polycystic (PCOS) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะมีบุตรยาก การรับประทานอาหารมื้อเย็นของคุณอาจช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ได้

3 หลีกเลี่ยงไขมันที่เกิดจากไขมัน trans ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการมีบุตรยาก เนื่องจากมีผลต่อความดื้อของอินซูลินและโรคอ้วน ไขมันทรานส์มักมีอยู่ในเนยเทียมอาหารทอดผลิตภัณฑ์แปรรูปและขนมอบ

4 อาหารคาร์โบไฮเดรต กลุ่มLowGI เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไม่ขัดสี whole wheat ช่วยให้คุณควบคุมน้ำหนักได้ดี ช่วยลดระดับอินซูลินและกระตุ้นให้เกิดการเผาผลาญไขมัน และช่วยให้ประจำเดือนอย่างสม่ำเสมอ

5 ทานคาร์โบไฮเดรตและของหวานน้อยลง ได้แก่ อาหารหวานเครื่องดื่มแปรรูป ได้แก่ พาสต้าขาวขนมปังและข้าว

6 รับประทานไฟเบอร์ ช่วยให้ร่างกายของคุณกำจัดฮอร์โมนส่วนเกินและช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดสมดุล ตัวอย่างอาหารที่มีเส้นใยสูง ได้แก่ ธัญพืชผลไม้ผักและถั่ว

7 เปลี่ยนกลุ่มอาหารโปรตีนจากสัตว์บางชนิด (เช่นเนื้อปลาและไข่) ไปเป็นโปรตีนจากพืช (เช่นถั่วถั่วและเมล็ด) จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นหมัน

8 การออกกำลังกายในระดับปานกลางขึ้นไปจะช่วยลดน้ำหนักซึ่งมีผลดีต่อภาวะเจริญพันธุ์

9 ควบคุมการทานกาแฟ เนื่องจากปริมาณคาเฟอีนสูงก่อนตั้งครรภ์ก็เชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะมีบุตรยาก

10 ปริมาณแอลกอฮอล์ส่วนจะลดภาวะการเจริญพันธุ์ได้ จึงควรจำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์น้อยกว่า 8 แก้วต่อสัปดาห์

11 อาหารเสริมจากธรรมชาติบางอย่างเช่น Maca, Bee pollen, Bee propolis, Royal Jelly อาจเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตามต้องรอหลักฐานงานวิจัยเพิ่มเติม

Cr Marry Jane Brown PhD, RD (UK) Healthline

Cr CosmeticConsultantd24 โดย Dr.Pat American Board AntiAging Medicine, American Aesthetic Medicine

Last Update 2018-07-30 17:22:06
Read 505 Times
Published in
expand_less