บ้านเราส่วนใหญ่ครีมกันแดดจะเป็นPhysical Sunscreenกันค่ะ คือทาแล้วหน้าขาวๆหน่อย ทาแล้วออกแดดได้เลยไม่ต้องรอแต่โดนเหงือน้ำจะออกง่ายต้องทาบ่อย ไม่ระคายเคืองเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย ไม่ก่อให้เกิดสิวอีกด้วยค่ะ

อยากรู้พลิกดูข้างหลังหลอดที่เราใช้เลยค่ะว่ามีส่วนประกอบพวกนี้อยู่รึเปล่านะคะ

ข้อแตกต่างของPhysical & Chemical Sunscreen

Physical Sunscreen ทำงานโดยการดูดซับสะท้อนและกระจายรังสียูวีจากผิวของผิว มีความปลอดภัยและมีเสถียรภาพมากใช้กันทั่วไปในผิวบอบบาง

* Zinc Oxide * Titanium Dioxide

ข้อดีของPhysical Sunscreen: * ปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ,คลื่นความถี่กว้าง * ปกป้องจากแสงแดดทันทีที่ใช้ ไม่ต้องรอ * มีโอกาสน้อยที่จะอุดตันรูขุมขนทำให้เหมาะสำหรับผิวบอบบางได้ง่าย * อายุการเก็บรักษาที่ยาวขึ้น

ข้อเสียของPhysical Sunscreen: * สามารถถู, เหงื่อออก,ล้างออกได้อย่างง่ายดาย ทำให้ต้องทาบ่อยขึ้นเมื่ออยู่กลางแจ้ง * ทาแล้วเหมือนสร้างฟิล์มเคลือบซึ่งส่งผลให้มีเหงื่อเพิ่มขึ้น ทาบ่อยขึ้น ต้องทาหนาขึ้นเพื่อให้ ครอบคลุมผิวทั่วๆ

CHEMICAL SUNSCREENS ทำงานโดยการดูดซับพลังงานจากรังสียูวีและเปลี่ยนเป็นความร้อนที่กระจายตัวอยู่ในผิวหนัง ตัวกรองสารเคมีบางตัวที่พบมากที่สุดคือ:

* Avobenzone * Ecamsule * Octinoxate * Octisalate * Octocrylene * Oxybenzone

ข้อดีของสารกันChemical Sunscreen: * ไม่ต้องทาหนา ครีมซึมเข้าสู่ผิวกระจายตัวดี * สูตรสามารถเพิ่มส่วนผสมในการบำบัดได้ง่ายขึ้นเช่นเปปไทด์และเอนไซม์ซึ่งมีประโยชน์ต่อผิวอื่น ๆ

ข้อเสียของChemical Sunscreen: * อาจทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของจุดสีน้ำตาลที่มีอยู่และการเปลี่ยนสีเนื่องจากอุณหภูมิผิวภายในที่สูงขึ้น * ต้องใช้เวลาประมาณ 20 นาทีหลังจากทาถึงจะปกป้องผิวได้ เพิ่มโอกาสในการระคายเคืองและแสบตา (โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งพร้อมกับความชื้นที่เป็นอันตราย)

เนื่องจากส่วนผสมหลายชนิดรวมกันเพื่อให้ป้องกันรังสี UVA และ UVB * SPF สูงกว่า (เช่นสูตร SPF 50 ขึ้นไป) ความเสี่ยงต่อการระคายเคืองสำหรับผิวบอบบางมากขึ้น * เพิ่มโอกาสของการเกิดรอยแดงสำหรับผิวที่เป็นสิวได้ง่ายเนื่องจากมีการเปลี่ยนรังสีความร้อนในผิว * อาจอุดตันรูขุมขนสำหรับผิวมัน * อาจทำให้เกิดอาการแสบหากหยดลงในตาจากเหงื่อ

Cr.CosmeticConsultant24 By Dr.Pat American Board Anti Aging Medicine, American Aesthetic Medicine