ไขมันรอบเอวและในอวัยวะภายในส่วนเกินจะเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นสำหรับ:

*โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน * โรคมะเร็ง  * ภาวะสมองเสื่อม * โรคเบาหวาน ภาวะซึมเศร้า * โรคข้ออักเสบ โรคอ้วน * * ความผิดปกติทางเพศ * ความผิดปกติของการนอนหลับ

ชนิดของอาหารคาร์โบไฮเดรตและไขมันมีผลต่อการจัดเก็บไขมัน โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวจากอาหารแปรรูปเช่นข้าวขาวและแป้งขาวและอาหารที่มีน้ำตาลเพิ่มขึ้นมีโอกาสเพิ่มปริมาณไขมันมากขึ้น เมื่อระดับอินซูลินอยู่ในระดับสูงจะมีการส่งกลูโคสไปยังตับมากขึ้นเพื่อจะกลายเป็นไตรกลีเซอไรด์และเซลล์ไขมันจะสะสมไขมันสะสมไว้ใช้เป็นพลังงาน การสะสมของไขมันรอบเอว มีบทบาทสำคัญในการสร้างความต้านทานต่ออินซูลินในผู้ป่วยโรคอ้วนและผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นผลมาจากการสะสมของไขมันภายในเซลล์ หรือสารอื่น ๆ ในกล้ามเนื้อและ ตับ

อินซูลินถูกหลั่งออกมาเพื่อตอบสนองต่ออาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่เรียกว่ากลูโคส เกิดการกระตุ้นการสะสมไขมันในเซลล์ที่แตกต่างกัน เมื่อปริมาณน้ำตาลกลูโคสเพิ่มขึ้นตับอ่อนจะหลั่งอินซูลินมากขึ้นปริมาณไขมันทั้งหมดที่เก็บใน adipocytes ไม่ว่าจะมาจากไขมันในอาหารหรือคาร์โบไฮเดรตจะถูกกำหนดโดยจำนวนแคลอรี่ที่คุณรับประทาน

การสะสมของไขมันส่วนเกินรอบเอว เพิ่มการผลิตสารอักเสบซึ่งเรียกว่า cytokines ซึ่งนำไปสู่การอักเสบที่ผิดปกติและความไม่สมดุลของฮอร์โมน ส่งผลกระตุ้นความอยากอาหารเพิ่มขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ การขาดพลังงานและปัจจัยอื่น ๆรบกวนฮอร์โมนที่ควบคุมความอยากอาหาร การควบคุมน้ำหนัก อารมณ์และการทำงานของสมอง ต่อมหมวกไต ฮอร์โมนที่ควบคุมความเครียด cortisol ทำให้เกิดความผิดปกติของฮอร์โมนเพศ, ฮอร์โมนความเป็นหนุ่มเป็นสาว หรือ growh hormone

ภาวะดื้อต่ออินซูลินทำให้ยับยั้งการผลิตน้ำตาลออกจากตับและลดการดูดซึมกลูโคส เกิดการสะสมของไขมันในอวัยวะภายเพิ่มการอักเสบ และลดฮอร์โมนที่เป็นประโยชน์ leptin และ adiponectin ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจ

Cr.Harvard Medical School

Cr.CosmeticConsultant24 โดย Dr.Pat American Board AntiAging Medicine, American Aesthetic Medicine